จังหวัดบึงกาฬเป็นจังหวัดในประเทศไทยจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติตั้งจังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. 2554อันมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2554 เป็นต้นไปโดยแยกอำเภอบึงกาฬ อำเภอเซกา อำเภอโซ่พิสัย อำเภอบุ่งคล้า อำเภอบึงโขงหลง อำเภอปากคาด อำเภอพรเจริญ และอำเภอศรีวิไล ออกจากการปกครองของจังหวัดหนองคาย เป็นจังหวัดที่มีสภาพแวดล้อม ที่สมบูรณ์แวดล้อม ไปด้วยภูเขา น้ำตก ที่สวยงาม เช่น น้ำตกเจ็ดสี, น้ำตกตากชะแนน ที่อยู่ภายในอุทยานแห่งชาติภูวัว อีกทั้งอำเภอบึงกาฬยังมี ส่วนที่ติดกับแม่น้ำโขง ตลอดริมแนวชายฝั่งเพราะได้ผลจากแม่น้ำโขงทำให้ไม่ร้อนมากในช่วงหน้าร้อน หน้าหนาวก็อากาศดี น่าท่องเที่ยวและพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง สังเกตุได้จากที่พักบึงกาฬ จะเต็มอยู่ตลอดเวลาในช่วงเทศกาลสำคัญๆ
1.ภูทอก
เป็นที่ตั้งของวัดเจติยาศรีวิหาร (วัดภูทอก) อยู่ในอาณาเขตบ้านคำแคน ตำบลนาสะแบง จ.บึงกาฬ โดยมีพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ เป็นผู้ก่อตั้ง ในภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว ภูทอก มี 2 ลูก คือภูทอกใหญ่และภูทอกน้อยส่วนที่นักแสวงบุญและ นักท่องเที่ยวทั่วไป สามารถชมได้คือ ภูทอกน้อย ส่วนภูทอกใหญ่อยู่ห่างออกไป ยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวชม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการ เดินเท้าขึ้นสู่ยอดภูทอก จุดเด่นของภูทอกก็คือ สะพานไม้และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพรอบ ๆ ภูทอก ใช้เพียงแรงงานคนสร้างบันได เวียนไปมา รอบภูทอกแบบ 360 ซึ่งมีทั้งหมด 7 ชั้น ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 5 ปีเต็มจากชั้น 1-7 จะมีบันไดไม้ให้เดินแบบ ตรงทอดยาวจนถึงจุดสูงสุดของยอดภูทอก และตั้งแต่ชั้นที่ 3 เป็นต้นไปนักท่องเที่ยวสามารถเดินชม แบบสะพานเวียนรอบเขาซึ่งจะ ได้เห็น มุมมองที่แตกต่างไปเรื่อย ๆ บันไดที่ทอดขึ้นสู่ยอดภูทอกนี้เปรียบเสมือนเส้นทางธรรมที่น้อมนำ สัตบุรุษ ให้พ้นโลกแห่งโลกียะ สู่โลกแห่ง โลกุตระหรือโลกแห่ง การหลุดพ้นด้วย ความเพียรพยายามและมุ่งมั่น ภูทอก ปิดไม่ให้นักท่องเที่ยว ขึ้นในวันที่ 10 -16 เมษายน ของทุกปี
ชมข้อมูลแผนที่และอ่านริวิวเพิ่มเติมได้เลย >>> https://jinnyz.com/place/575
2.หินสามวาฬ
หนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจในพื้นที่ป่าภูสิงห์ ตั้งอยู่ในอำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ ในเขตพื้นที่อนุรักษ์เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู ซึ่งเต็มไปด้วยกลุ่มของก้อนหินรูปทรงต่าง ๆ ที่สวยงามแปลกตา และถ้ำกระจายอยู่ทั่วทั้งพื้นที่ สามารถแวะชมได้หลายจุด รวมถึงหินสามวาฬ ที่มีลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่ติดหน้าผาสูง เหตุผลที่เรียกว่า หินสามวาฬ เพราะลักษณะของจุดชมวิวนี้เป็นก้อนหินขนาดใหญ่ 3 ก้อน รูปร่างคล้ายปลาวาฬเรียงกันยื่นออกไปสู่หน้าผา หากมองในมุมสูงจะเหมือนกลุ่มวาฬที่มีพ่อ แม่ ลูก จึงเรียกกันว่า หินสามวาฬ ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยงามโดดเด่นของภูสิงห์ สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า เบื้องหน้าคือ วิวของผืนป่าเขียวขจีและสายหมอกบาง
ชมข้อมูลแผนที่และอ่านริวิวเพิ่มเติมได้เลย >>> https://jinnyz.com/place/576
3.พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต (หมู่บ้านท่องเที่ยวสตรีทอาร์ต)
หมู่บ้านท่องเที่ยวสตรีทอาร์ท และ พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต ตั้งอยู่ในหมู่บ้านขี้เหล็กใหญ่ อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ เป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบโอบล้อมด้วยธรรมชาติ ยังคงมีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ทั้งการแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยการนุ่งซิ่น สะพายกระติ๊บ ตักบาตรข้าวเหนียว สำหรับการสร้างหมู่บ้านสตรีทอาร์ต คือการเปิดใจร่วมกันทั้งหมู่บ้าน โดยผสมผสานวัฒนธรรมดั้งเดิมกับงานศิลปะสมัยใหม่ ผู้ริ่เริ่ม คือ คุณขาบ ฟู้ดสไตล์ลิสต์ชื่อดัง เจ้าของรางวัลเวทีระดับโลก และยังเป็นอาสาสมัครของมูลนิธิโครงการหลวงมากว่า 14 ปี ที่ตั้งใจกลับบ้านเกิดเพื่อพัฒนาชุมชนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยใช้ทุนส่วนตัว และได้รับความร่วมแรงร่วมใจของคนในชุมชน รวมทั้งการสนับสนุนจากภาครัฐ ภาคเอกชน สร้างหมู่บ้านสตรีทอาร์ตภาพวาดเขียนสีพญานาค และพิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต เพื่อเปิดพื้นที่แสดงวัฒนธรรม ถ่ายทอดวิถีท้องถิ่นให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามาเยี่ยมชมในแบบที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ชมข้อมูลแผนที่และอ่านริวิวเพิ่มเติมได้เลย >>> https://jinnyz.com/place/577
4.บึงโขงหลง
ตั้งอยู่ที่ อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของจังหวัดบึงกาฬ มีลักษณะเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่เป็นพื้นที่อนุรักษ์พันธุ์นก โดยเฉพาะนกน้ำที่ย้ายถิ่นเข้ามาในช่วงฤดูหนาว ทั้งห่านป่า นกเป็ดน้ำ นกยาง นกกระเต็น จุุดท่องเที่ยวเด่น คือ สวนสาธารณะบึงโขงหลง แหล่งพักผ่อนและชมวิวทิวทัศน์ที่งดงาม ที่มีหอชมนก และระเบียงชมวิว โดยเฉพาะในยามเย็นซึ่งพระอาทิตย์ใกล้ตกดินมีบรรยากาศที่งดงามมาก นอกจากนี้หากมาเที่ยวในฤดูร้อนจะได้เห็นหาดคำสมบูรณ์วิวเนินทรายที่สวยงาม ที่มีหาดทรายทอดยาว บึงโขงหลง เป็นบึงที่มีน้ำตลอดปี ทำให้สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี กิจกรรมที่น่าสนใจ คือ นั่งเรือชมวิวรอบบึง สัมผัสกับธรรมชาติและสายน้ำที่สวยงามบึงโขงหลงจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของบึงกาฬที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด
ชมข้อมูลแผนที่และอ่านริวิวเพิ่มเติมได้เลย >>> https://jinnyz.com/place/578
5.วัดโพธาราม
ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองบึงกาฬประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นวัดที่มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจังหวัดบึงกาฬและชาวจังหวัดใกล้เคียงรวมไปถึงในสปป.ลาว ที่อยู่ในลุ่มน้ำโขงแถบนี้ เมื่อเข้ามายังตัววัดจะพบกับอุโบสถเมื่อมองเข้าไปด้านในก็จะเห็นหลวงพ่อพระใหญ่ประดิษฐานอยู่ด้านในตัวอุโบสถ หลวงพ่อพระใหญ่ เป็นพระพุทธรูปรางมารวิชัย ฉาบปูน หน้าตักกว้าง 2 ศอก 1 คืบ (5 ฟตุ 4 นิ้ว) เดิมเป็นพระพุทธรูปทองสำริดที่มีความงดงาม แต่ต่อมามีการพอกปูนฉาบไว้ ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นการอำพรางจากเหตุการณ์สงคราม โดยพระพุทธรูปที่เห็นในปัจจุบัน ประดิษฐาน ณ ที่เดิมนับตั้งแต่ค้นพบไม่ทำการเคลื่อนย้ายแต่อย่างใด มีเพียงการบูรณะแท่นประดิษฐานให้คงทนแข็งแรงมากขึ้น ผู้คนส่วนใหญ่ที่มาขอพร ก็มักจะได้สมหวังดังใจหมาย จนมีคนนำสีทองมาทาองค์พระให้สวยงามอย่างที่เห็นกัน และมักจุดบั้งไฟถวายกันเป็นประจำ แต่การกราบไหว้ในพระอุโบสถ สามารถเข้าได้เฉพาะผู้ชายเท่านั้น ส่วนสุภาพสตรีจะสามารถกราบไหว้ได้ที่ด้านหน้าของพระอุโบสถ หรือองค์จำลองที่ประดิษฐานอยู่ข้างพระอุโบสถ วัดโพธารามแห่งนี้มีบรรยากาศที่ร่มรื่น มีหลักธรรมคำสอนติดตามต้นไม้ไว้ให้อ่านเป็นข้อคิดเตือนใจ และพื้นที่วัดก็อยู่ติดริมแม่น้ำโขงไม่มีกำแพงวัดกั้นระหว่างวัดและแม่น้ำโขง จึงทำให้ผู้คนที่มาวัดได้เดินเที่ยวชมและยังได้รับลมเย็นๆที่พัดขึ้นมาจากฝั่งโขงยิ่งทำให้จิตใจสงบร่มเย็น
ชมข้อมูลแผนที่และอ่านริวิวเพิ่มเติมได้เลย >>> https://jinnyz.com/place/579
6.น้ำตกถ้ำพระ
หรือน้ำตกถ้ำพระภูวัว ตั้งอยู่บริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว บ้านถ้ำพระ ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ 3 ชั้น ที่ไหลอยู่บนภูเขาหินทรายขนาดใหญ่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมความงามของน้ำตก นอกจากนี้ยังมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่และร่องน้ำที่สามารเล่นเป็นสไลเดอร์ได้ ทำให้เล่นน้ำกันในลำธารกันได้อย่างสนุกสนาน แต่น้ำตกจะมีน้ำมากในฤดูฝนช่วงเดือนกรกฎาคม-ต้นตุลาคม เท่านั้น หากมาในช่วงเดือนอื่นน้ำค่อนข้างน้อยมาก
ชมข้อมูลแผนที่และอ่านริวิวเพิ่มเติมได้เลย >>> https://jinnyz.com/place/580
7.น้ำตกถ้ำฝุ่น
อยู่ในบริเวณท้องที่บ้านภูสวาท ตำบลหนองเดิ่น อำเภอบึงกาฬ ห่างจากที่ว่าการอำเภอ 33 กิโลเมตร และจากจังหวัดประมาณ 169 กิโลเมตร ธรรมชาติโดยทั่วไปเป็นป่าโปร่งที่มีทิวทัศน์สวยงามหลายแห่งอยู่ทางตอนเหนือของภู และบริเวณใกล้เคียงกันนั้นมีถ้ำฝุ่น ซึ่งเป็นถ้ำธรรมชาติร่มเย็นอีกแห่งหนึ่ง มีเพิงผาหินเป็นแนวยาว ทางเดินไปน้ำตกผ่านลานหินทรายกว้างขวาง น้ำตกไหลมาจากหน้าผาหินทรายที่มีลักษณะร่องแคบ มองเห็นสายน้ำตกเป็นทางยาว น้ำตกถ้ำฝุ่น อยู่ในบริเวณท้องที่บ้านภูสวาท ตำบลหนองเดิ่น อำเภอบึงกาฬ ห่างจากที่ว่าการอำเภอ 33 กิโลเมตร และจากจังหวัดประมาณ 169 กิโลเมตร ธรรมชาติโดยทั่วไปเป็นป่าโปร่งที่มีทิวทัศน์สวยงามหลายแห่งอยู่ทางตอนเหนือของภู และบริเวณใกล้เคียงกันนั้นมีถ้ำฝุ่น ซึ่งเป็นถ้ำธรรมชาติร่มเย็นอีกแห่งหนึ่ง
ชมข้อมูลแผนที่และอ่านริวิวเพิ่มเติมได้เลย >>> https://jinnyz.com/place/581
8.น้ำตกเจ็ดสี
หนึ่งในน้ำตกสวยของจังหวัด สายน้ำไหลตกจากหน้าผาหินทราย แล้วแผ่กว้างออกสวยงามตระการตา ละอองน้ำเมื่อต้องแสงแดดแล้วเห็นเป็นสายรุ้งเจ็ดสี จึงได้ชื่อว่า น้ำตกเจ็ดสี ด้านล่างมีแอ่งน้ำสำหรับเล่นน้ำและโขดหินให้นั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจ น้ำตกเจ็ดสี เป็นน้ำตกอีกแห่งที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว จังหวัดบึงกาฬ เดิมเรียกว่า น้ำตกห้วยกะอาม ซึ่งเกิดจากธารน้ำของห้วยกะอาม เป็นน้ำตกจากหน้าผาสูงแล้วเกิดเป็นละอองไอน้ำกระทบกับแสงแดดยามบ่าย ทำให้เกิดสีต่างๆ ขึ้น จึงเรียกกันว่า น้ำตกเจ็ดสี น้ำตกไหลมาจากหน้าผาสูงประมาณ 30 เมตร เป็นอีกหนึ่งสุดยอดน้ำตกที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเล่นน้ำกันมาก มีอาณาบริเวณที่กว้างใหญ่พอสมควรทีเดียว มีพื้นที่เล่นน้ำได้หลายจุด น้ำตกแบ่งออกเป็น 3 ชั้น นอกจากเที่ยวน้ำตกแล้วยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ จากที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัวไปยังน้ำตกถ้ำน้อย ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่มีดอกไม้ดินให้ชม และเส้นทางจุดชมวิวที่หลังถ้ำพราย ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตรเช่นกัน ในช่วงฤดูฝนที่ลานหินจะได้ชมพรรณไม้หลากสี เช่น กล้วยไม้ป่า หนามเดือนห้า เอื้องม้า ฯลฯ ฤดูกาลที่เหมาะสมในการท่องเที่ยวคือ ช่วงฤดูฝนที่น้ำตกจะมีน้ำมากและสวยงามที่สุด ประมาณเดือนมิถุนายน – ตุลาคมของทุกปี
ชมข้อมูลแผนที่และอ่านริวิวเพิ่มเติมได้เลย >>> https://jinnyz.com/place/582
9.แก่งอาฮง
หรือ สะดือแม่น้ำโขง ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัดอาฮงศิลาวาส ต.หอคำ อ.เมือง จ.บึงกาฬ ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 21 กิโลเมตร ว่ากันว่าเป็นจุดที่แม่น้ำโขงมีความลึกที่สุด ซึ่งไม่สามารถวัดระดับความลึกได้ ทั้งยังเป็นบริเวณที่น้ำไหลเชี่ยวกรากมาก โดยเฉพาะช่วงฤดูน้ำหลาก เหตุที่ไม่สามารถวัดระดับความลึกได้นั้น ก็เนื่องจากบริเวณนี้มีลักษณะเป็นน้ำวน มีกระแสน้ำไหลวนเป็นรูปกรวยขนาดใหญ่ มองเห็นได้อย่างชัดเจนจากบริเวณวัด ชาวบ้านจึงเชื่อกันว่าเป็น “สะดือแม่น้ำโขง” ตามตำนานเล่าสืบต่อกันว่าบริเวณสะดือแม่น้ำโขงจะมีถ้ำใต้น้ำและโขดหินใหญ่อยู่บริเวณทางฝั่งประเทศลาวตรงข้ามกับวัดอาฮงศิลาวาส เป็นที่ชุมนุมของเหล่าพญานาคในวันออกพรรษาเพื่อทำบุญบั้งไฟเป็นพุทธบูชาร่วมกับมนุษย์ จึงเป็นสถานที่ศักสิทธิ์ แต่ละปีบริเวณนี้มีบั้งไฟพญานาคขึ้นเป็นจำนวนมาก
ชมข้อมูลแผนที่และอ่านริวิวเพิ่มเติมได้เลย >>> https://jinnyz.com/place/583
10.หนองกุดทิง
เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ มีความกว้างโดยเฉลี่ย 22,000 ไร่ ลึก 5 - 10 เมตร ที่นี่มีความหลากหลายทางชีวภาพทั้งสัตว์น้ำกว่า 250 สายพันธุ์ ปลาที่ไม่มีที่ใดในโลก 20 สายพันธ์ พืชน้ำกว่า 200 ชนิด มีนกพันธุ์ต่างๆกว่า 40 ชนิด ด้วยความอุดมสมบูรณ์เช่นนี้จึงได้ขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำโลกแห่งที่สองของจังหวัดหนองคาย ภายในบริเวณหนองกุดทิงจะมีสถานที่อนุรักษ์ที่ไม่ให้คนผ่านเข้าไปจับสัตว์หรือเลี้ยงสัตว์โดยเด็ดขาด จำนวนมากกว่า 5 แห่ง จึงทำให้มีนกและสัตว์น้ำอาศัยอยู่เพื่อเพาะพันธุ์มากมายตลอดทั้งปี พื้นที่กุดทิงเชื่อมต่อแม่น้ำโขงทำให้พื้นที่มีความหลากหลายของสังคมพืชน้ำและชนิดพันธุ์สัตว์น้ำ พบพันธุ์ปลาน้ำจืดถึง 123 ชนิด ในจำนวนนี้มีปลาประจำถิ่นและปลาอพยพที่มาจากแม่น้ำโขง มากกว่า 56 ชนิดเป็นปลาเศรษฐกิจ มีปลาซิวแคระ พันธุ์ปลาน้ำจืดขนาดเล็กที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก และเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังที่เล็กที่สุดของไทย ทั้งยังพบปลาที่อยู่ในสถานภาพเสี่ยงต่อการคุกคามคือปลายี่สกหรือปลาเอิน รวมถึงการพบปลาประจำถิ่นแม่น้ำโขง คือ ปลาบู่กุดทิง ปลาบู่แคระ ปลาซิวแก้ว ปลาซิวหางกรรไกรเล็ก ปลากัดอีสาน ปลาปักเป้าควาย ปลาสร้อยปีกแดง และปลาเหล็กใน กุดทิงยังเป็นแหล่งพันธุกรรมที่สำคัญของกุ้งน้ำจืด 3 ชนิด คือ กุ้งฝอยเล็ก กุ้งฝอยใหญ่ และกุ้งฝอยแดง ชาวกุดทิงจะจับมากินภายในครัวเรือน เหลือจะขายในตลาดท้องถิ่น ส่วนการสำรวจพืชน้ำพบทั้งหมด 80 ชนิด และเป็นชนิดใหม่ของโลก คือต้นเล็บม้าและสาหร่ายข้าวเหนียวดอกเหลือง พรรณไม้เด่นที่พบมีทั้งกกสามเหลี่ยมหรือผือสาหร่ายเทปยักษ์และสาหร่ายข้าวเหนียวดอกเหลือง กุดทิงเป็นแหล่งพักพิงของนกอพยพและนกประจำถิ่นหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นนกเป็ดน้ำ เหยี่ยว และนกน้ำอื่น ๆ อีกมากกว่า 100 ชนิด ที่พบมากได้แก่ นกเป็ดแดง ยังมีรายงานการพบนกที่หายากและอยู่ในสถานภาพถูกคุกคามของโลก ได้แก่ เป็ดลาย นกเป็ดหัวดำรวมถึงเหยี่ยวหาดูได้ยากอีก 2 ชนิด คือ เหยี่ยวทุ่งแถบเหนือ และเหยี่ยวทุ่งพันธุ์ยุโรป
ชมข้อมูลแผนที่และอ่านริวิวเพิ่มเติมได้เลย >>> https://jinnyz.com/place/584